เครื่องดูดควันจาก Bosch นั้นสามารถช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำความสะอาดได้อย่างยอดเยี่ยม และยังช่วยให้ห้องครัวของคุณนั้นสะอาดอยู่เสมอด้วยการดูดควัน กลิ่น ความร้อน หรือไอน้ำจากการทำอาหารได้อย่างหมดจด และเนื่องจากการดูดคราบไขมันที่ก่อให้เกิดประกายไฟออกจากห้องครัวของคุณไปด้วย ทำให้ช่วยลดโอกาสในการเกิดเพลิงไหม้และการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อีกด้วย
ประเภทการดูดควัน - แบบต่อท่อและแบบอากาศหมุนเวียน

หากคุณกำลังเลือกเครื่องดูดควันสำหรับการใช้งานในห้องครัวของคุณนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำความเข้าใจการทำงานของเครื่องดูดควันก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งรูปแบบของห้องครัวของคุณนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในเลือกเครื่องดูดควันตามแต่ละประเภทเช่นกัน
ประเภทของเครื่องดูดควัน - เลือกเครื่องดูดควันตามลักษณะการใช้งานของคุณ

นอกจากจะช่วยให้ห้องครัวของคุณสะอาดแล้ว ยังเพิ่มสไตล์ที่เป็นคุณเข้าไปในห้องครัวของคุณได้อย่างแนบเนียบอีกด้วย
วิธีการคำนวนอัตราการดูดควัน (Extraction Rate) ของเครื่องดูดควันที่เหมาะสมสำหรับห้องครัวของคุณ

ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องดูดควันนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการดูดควันที่เครื่องดูดควันสามารถทำได้ โดยหลักการตามปกติคือต้องมีอัตราการดูดควันที่สูงหากห้องครัวมีขนาดใหญ่นั่นเอง เราขอแนะนำให้เครื่องดูดควันนั้นสามารถทำงานเพื่อแทนที่อากาศภายในห้องได้ 6 หรือ 12 เท่าภายในหนึ่งชั่วโมง
อัตราการดูดควัน = (พื้นที่ของห้องครัว : กว้างxยาวxสูง) x (6 หรือ 12)
จากสูตรด้านบนนั้น หากห้องครัวมีพื้นที่ 40 ลบ.ม. เท่ากับว่าคุณต้องใช้เครื่องดูดควันที่มีอัตราการดูดควันที่ 240 ลบ.ม.หากใช้งานปกติ และ 480 ลบ.ม. หากใช้งานเป็นประจำ
*เทคโนโลยีมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดควันและใช้พลังงานในการทำงานต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับมอเตอร์แบบปกติ ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 80% ในการแสดงผลของไฟ LED เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่มีมอเตอร์แบบเก็บประจุและไฟฮาโลเจน
**ตัวกรอง Regenerative Active Carbon นั้นสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานสูงสุดถึง 10 ปีโดยที่ผู้ใช้งานสามารถทำความสะอาดตัวกรองได้ในเตาอบด้วยตนเองสูงถึง 30 ครั้งโดยใช้อุณหภูมิ 200°C เป็นเวลา 2 ชั่วโมง และความถี่ในการทำความสะอาดนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้งานเครื่องดูดควันประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน ก็สามารถทำความสะอาดได้ทุกๆ 3-4 เดือน