การปรุงเมนูเนื้อปลานั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเชฟทุกคน เพียงแค่เอาขึ้นจากความร้อนเร็วไปหรือช้าไปเพียง 1 นาทีก็สามารถทำให้เนื้อปลาไม่สุกหรือสุกเกินไปได้ทันที แต่นั่นก็หมายความว่าหากคุณสามารถปรุงสุกเนื้อปลาในเวลาและเทคนิคการปรุงที่เหมาะสม คุณก็จะได้อร่อยกับเนื้อปลาที่อร่อยและพอดีในทุกๆครั้งนั่นเอง และนี่คือเคล็ดลับในการปรุงเมนูปลาให้อร่อยในทุกๆจานพิเศษของคุณ
ขั้นตอนแรก : เลือกวิธีการปรุงที่ถูกต้อง
เนื้อปลาหลากหลายชนิดนั้นจำเป็นต้องใช้วิธีการปรุงที่แตกต่างกัน และด้วยเนื้อปลาเองก็มีความแตกต่างอยู่เช่นเดียวกัน ทำให้คุณจำเป็นต้องเลือกวิธีการปรุงสุกที่แตกต่างกันออกไป และนี่คือประเภทต่างๆของเนื้อปลาที่ผู้คนชอบรับประทานพร้อมกับวิธีการปรุงสุกที่ถูกต้อง
ทำเมนูจากเนื้อปลาได้ง่ายๆ
รสสัมผัสของเนื้อปลา |
ชนิดของเนื้อปลา |
วิธีการปรุงสุก |
---|---|---|
ปลาเนื้อแน่น ปลาเนื้อเนียน ปลามันเยอะ ปลาส่วนเนื้อ / ไม่มีมัน |
ปลาทูน่า / ปลาแซลม่อน / ปลาดาบ / ปลาแมคเคอเรล / ปลาทราย ปลากระพง / ปลาจะละเม็ด / ปลากุเรา ปลาค็อด / ปลาแซลม่อน / ปลาเฮียริ่ง ปลาลิ้นหมา / ปลาซาร์ดีนส์ / ปลาทูน่า / ปลาค็อด |
การย่าง / การอบ การนึ่ง การอบ / การจี่กระทะ การย่าง / การจี่กระทะ |
บาร์บีคิว
เหมาะสำหรับเนื้อปลาที่มีเนื้อแน่น หั่นออกเป็นชิ้นหนา เนื่องจากการบาร์บีคิวเนื้อปลานั้นจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมในเนื้อปลาและวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากอีกด้วย ลองเมนูปลาทูน่า ปลาแซลม่อน ปลาดาบ ปลาแมคเคอเรล หรือแม้แต่ปลาทรายบาร์บีคิว แล้วคุณจะต้องหลงรัก
การนึ่ง
นี่เป็นวิธีการปรุงที่ดีต่อสุขภาพที่เหมาะในการปรุงสุกปลาที่มีเนื้อเนียนละเอียดอย่างปลากระพง ปลาจะละเม็ด และปลากุเรา สามารถปรุงรสเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อปลายังคงรสชาติและความฉ่ำไว้ในตัวเองได้นั่นเอง
การจี่กระทะ
เหมาะสำหรับการปรุงสุกเนื้อปลาอย่างปลาลิ้นหมา ปลาทูน่า ปลาค็อด หรือแม้กระทั่งปลาที่มีมันเยอะอย่างปลาแซลม่อนหรือปลาค็อดก็สามารถนำไปจี่บนกระทะเพื่อปรุงสุกได้เช่นกัน
การย่าง
เหมาะสำหรับการปรุงสุกเนื้อปลาชิ้นบาง ด้วยความร้อนที่ส่งถึงเนื้อปลาโดยตรง ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องกลับด้านเนื้อปลาด้วยซ้ำ และยังมีกลิ่นหอมของการย่างที่เหมาะสำหรับปลาลิ้นหมา ปลาซาร์ดีนส์ และปลาทูน่านั่นเอง
การอบ
วิธีการนี้คือการปรุงสุกที่เหมาะสำหรับปลาเนื้อแน่นที่มีรสสัมผัสที่ละเอียดอ่อน วิธีการคือเตรียมถาดรองอบพร้อมกับวางกระดาษรองอบและวางเนื้อปลาตามลงไป วิธีการนี้จะสามารถคงความฉ่ำของเนื้อปลาไว้ได้ อีกทั้งยังสามารถปรุงสุกในปริมาณมากได้ในครั้งเดียวอีกด้วย เหมาะสำหรับปลาที่มีมันเยอะอย่างปลาค็อด ปลาแซลม่อน และปลาเฮียริ่งนั่งเอง
ขั้นตอนที่สอง : เพิ่มรสชาติให้กับเนื้อปลา
ขั้นตอนง่ายๆในการปรุงรสและหมักปลานั่นคือ หากเป็นเนื้อปลาที่มีเนื้อนุ่ม ต้องปรุงรสกับเครื่องปรุงที่มีกลิ่นชัดและสะอาดเช่นขิง ตะไคร้ เนย หรือเกลือและพริกไทยเพื่อรักษาความหวานของเนื้อปลาเอาไว้ หากปลามีเนื้อที่แน่นขึ้นมา ก็สามารถปรุงกับเครื่องเทศที่มีรสชาติมากขึ้นได้นั่นเอง สิ่งที่ควรระวังคือระยะเวลาในการหมักเนื้อปลา ควรหมักเนื้อปลาทั้งตัวไม่เกินระยะเวลาข้ามคืน และเนื้อปลาชิ้นบางไม่เกิน 45 นาที ส่วนเนื้อปลาชิ้นใหญ่นั้นไม่ควรเกินระยะเวลา 2 ชั่วโมง เนื่องจากหากหมักเนื้อปลานานเกินไปจะทำให้เนื้อปลาเละ โดยเฉพาะกับการหมักกับสารที่เป้นกรดเช่นน้ำมะนาวหรือเลมอน
ขั้นตอนที่สาม : วิธีการดูว่าเนื้อปลาปรุงสุกแล้วหรือยัง
กฏง่ายๆของการปรุงสุกเนื้อปลาคือการใช้เวลา 8 นาทีต่อเนื้อปลาที่มีความหนา 1 นิ้ว แต่เวลาเอาก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความแรงของไฟที่ใช้ในการปรุงสุกเช่นกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยเรื่องความหนาความบางของเนื้อปลาอีกด้วย ดังนั้นเราจึงขอแนะนำ
หากทำการปรุงสุกเนื้อปลาชิ้นหนา ให้ใช้ไฟแรงเป็นเวลา 1 นาทีในแต่ละด้านของเนื้อปลาเพื่อทำให้หนังกรอบและเก็บกักความฉ่ำไว้ด้านในเนื้อปลา จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟกลางหรือไฟอ่อนและปรุงสุกต่อเป็นเวลา 8 นาทีต่อความหนา 1 นิ้วของเนื้อปลา หากเนื้อปลาหนาเพียง ¼ นิ้ว ให้ใช้เวลาเพียง 1 นาทีด้วยไฟกลางหรือไฟแรงแล้วกลับด้านเนื้อปลา เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ
จำไว้เสมอว่าให้นำปลาออกจากกระทะทันทีเมื่อปรุงเสร็จแล้ว ไม่เช่นนั้นเนื้อปลาจะสุกเกินไปและทำให้เนื้อปลาแข็งและแตกออกจากกันได้
เคล็ดลับดังกล่าวอาจจะดูมีหลากหลายขั้นตอนและวิธีการ แต่หากคุณสามารถทำตามคำแนะนำได้ คุณจะได้เมนูปลาที่อร่อยอย่าบอกใครเลยทีเดียว